หลังจากได้รู้จักความเป็นมาของ The Eisenhower Matrix และรู้จักกันแบบคร่าวๆ แล้ว วันนี้มาทำความรู้จักงานทั้ง 4 ประเภทแบบละเอียดมากขึ้นอีกนิดดีกว่า

งานประเภทที่หนึ่ง: ทั้งสำคัญ และเร่งด่วน

งานประเภทนี้ต้องการการลงมือทำอย่างรวดเร็ว เป็นงานที่มีเดดไลน์ ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยอื่น หรือคนอื่น หรืออาจจะเป็นงานที่เราหลีกเลี่ยงที่จะทำมันมาเรื่อยๆ จนถึงเวลาที่จำเป็นจริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะมาจากไหนมันก็ต้องการการทำทันที

ตัวอย่างงานสำคัญ และเร่งด่วน

  • ต้องมาทำงานแทนเพื่อนที่ลาป่วย
  • รถติดบนถนนจากอุบัติเหตุด้านหน้า
  • ท่อน้ำในห้องครัวแตกทำให้น้ำท่วมห้องครัว
  • ลูกค้ามาคอมเพลน
  • หัวหน้าจ่ายงานด่วน

งานประเภทนี้เป็นงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันเป็นงานสำคัญ ถึงปัญหาอาจจะไม่ได้มาจากตัวเรา แต่เมื่อมาถึงตัวเราแล้วก็ต้องทำงานแบบนี้ให้สำเร็จให้ได้

งานประเภทนี้ถ้ามีมาบ่อยๆ อาจจะทำให้เบิร์นเอาท์ได้ ถ้ามีบ่อยๆ อาจจะต้องหาสาเหตุที่จะหลีกเลียง

ประเภทที่สอง: สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน

งานที่ไม่เร่งด่วน แต่สำคัญคืองานที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายระยะยาวได้ เป็นงานที่อาจจะไม่มีเดดไลน์ หรือบางครั้งอาจจะเป็นงานที่ต้องทำไปตลอด จึงมักเป็นงานที่ถูกมองข้าม และถูกเลื่อน หรือยกเลิกไปเมื่อถูกงานเร่งด่วนมาแทรก แต่งานประเภทที่สองนี้แหละ คืองานที่ส่งผลต่อเป้าหมายของคุณมากที่สุด

man wearing black and white stripe shirt looking at white printer papers on the wall
Photo by Startup Stock Photos on Pexels.com

ตัวอย่างงานสำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน

  • วางแผนการทำโปรเจ็ค
  • งานตรวจเช็คทั่วไป (Preventive Maintenance)
  • สร้างคอนเนคชั่นกับคนอื่น
  • เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาการทำงาน
  • ออกกำลังกาย หรือการดูแลสุขภาพในแต่ละวัน

Steven Covey บอกไว้ว่างานประเภทที่ 2 นี้แหละที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะมันคืองานที่ส่งผลระยะยาว และจะช่วยพัฒนาตัวเรา คนที่รู้จักการให้ความสำคัญกับงานประเภทนี้คือคนที่มีความคิดในเชิงรุก หรือเรียกว่า Proactive นั่นเอง รวมถึงเป็นคนมองการณ์ไกลมองเห็นเป้าหมายระยะยาวของตัวเองด้วย ข้อดีของงานประเภทนี้คือคุณสามารถทำงานประเภทนี้โดยปราศจากความกดดันเพราะมันไม่เร่งด่วนนั่นเอง และข้อดีของการให้ความสำคัญกับงานประเภทนี้อีกอย่างก็คือ ในระยะยาวจะทำให้งานประเภทที่หนึ่ง หรืองานที่ทั้งสำคัญ และเร่งด่วนลดลงด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณเอารถเข้าศูนย์ตรวจเช็คเป็นระยะ โอกาสที่รถคุณจะเสียกลางถนนก็จะลดลง

งานประเภทที่สาม: ไม่สำคัญ แต่เร่งด่วน

งานประเภทนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากคนอื่นที่ส่งมาให้เราทำ ซึ่งน่าจะเดาได้ไม่ยากว่างานประเภทนี้นอกจากจะทำให้คุณงานยุ่งอย่างไม่มีเหตุผลแล้ว ยังไม่ได้ส่งผลต่อเป้าหมายระยะยาวของคุณเลย หรือส่งผลน้อยมากๆ

ตัวอย่างงานที่ไม่สำคัญ แต่เร่งด่วน

  • การถูกรบกวนจากเพื่อนร่วมงาน
  • การเปิดดูโทรศัพท์ ทั้งๆ ที่พึ่งจะเช็คไปเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว
  • การตอบข้อความ อีเมล หรือโพสบนโซเชียลในข้อความที่ไม่ได้สำคัญอะไร
  • การเข้าประชุมบางหัวข้อที่ควรจะส่งอีเมลก็ได้

งานประเภทที่สามที่แหละ คือ Mere Urgency Effect ที่เราพูดถึงกันในบทก่อนหน้านี้ มันคืองานทั่วๆ ไปที่เข้ามาในแต่ละวัน ส่วนใหญ่เป็นงานเร่งด่วนแต่อาจจะเป็นงานของคนอื่น และบางครั้งเป็นงานที่คุณไม่ได้อยากทำ การทำงานประเภทนี้มากๆ จะเหมือนกับคุณไม่ได้ควบคุมชีวิตของตัวเอง

Steven Covey ก็ได้แนะนำเกี่ยวกับงานประเภทนี้ว่าเราควรแจกจ่ายงานประเภทนี้ให้คนอื่นทำให้ได้มากที่สุด หรือแม้แต่การนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยก็ได้เช่นกัน

positive students doing homework together
Photo by Armin Rimoldi on Pexels.com

ถ้าคุณไม่สามารถแจกจ่ายให้คนอื่นทำได้จริงๆ ก็ลองทำแบบนี้

  • ปิดเสียง ปิดการแจ้งเตือนจากแอพต่างๆ ตอนกำลังทำงาน
  • ทำความเข้าใจกับเพื่อนร่วมงานที่เอางานเข้ามาแทรกว่าเรามีเวลาทำได้ตอนไหน และใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ ไม่ควรมากกว่านี้
  • วางแผนสำหรับงานประเภทนี้ไว้ทำตอนท้ายๆ หลังจากที่ทำงานสำคัญๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ควรเริ่มทำในตอนเช้าที่ยังมีแรง
  • ต่อรองกับหัวหน้าเรื่องปริมาณงานที่ได้รับ
  • ลองปฎิเสธดูบ้าง

ประเภทที่สี่: ทั้งไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน

พูดง่ายๆ คืองานที่ทำไปก็เสียเวลาเปล่าๆ ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเป้าหมายในชีวิตคุณเลย แต่อาจจะเป็นสิ่งที่กินเวลาได้เป็นวันๆ

ตัวอย่างงาน หรือกิจกรรมประเภทนี้ งานไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน

  • ดูทีวี ดูซีรี่เป็นชั่วโมงๆ
  • เช็คหน้าจอเล่นโซเชียลไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมาย
  • การนั่งเคลียร์อีเมล แทนที่จะตอบอีเมลสำคัญๆ
  • การช้อปปิ้ง หรือซื้อของลดราคาออนไลน์

โดยปกติแล้วงานประเภทนี้สามารถทำไปได้เรื่อยๆ โดยไร้จุดหมาย

แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิด คนเราต้องการการพักผ่อนแน่นอนอยู่แล้ว แม้แต่ Eisenhower ผู้คิดค้น The Eisenhower Matrix เองก็มีช่วงเวลาพักผ่อนอย่างการตีกอล์ฟในออฟฟิศเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักการแบ่งเวลาให้การพักผ่อน ไม่อย่างนั้นกิจกรรมพวกนี้นี้แหละจะกินเวลา และพลังงานของคุณไปจนหมด จนไม่เหลือให้กับงานที่ควรจะทำจริงๆ

มีการศึกษาพบว่าในคนทำงานที่มีการทำกิจกรรมอย่างออกกำลังกาย หรือเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้อื่นจะส่งผลให้มีแรงบันดาลใจในการทำงานมากขึ้นในวันถัดไป หรือพนังานที่พักผ่อนโดยการเล่นโยคะ การทำสมาธิ หรือฟังเพลงจะมีแนวโน้มที่จะใจเย็น และสงบมากขึ้น แต่กิจกรรมเหล่านี้จะส่งผลดีเมื่อทำในปริมาณที่พอดีๆ ถ้าทำกิจกรรมเหล่านี้มากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อผลการทำงานเช่นกัน

โดยสรุปสำหรับงานทั้งสี่ประเภทนี้คือ พยายามลดงานประเภทที่หนึ่ง โดยการให้ความสำคัญกับงานประเภทที่สองให้มากๆ และพยายามลดงานประเภทที่สามโดยการแจกจ่ายให้คนอื่นทำ หรือปฏิเสธไปบ้าง และพยายามหลีกเลี่ยงงานประเภทสุดท้ายให้มากที่สุด

Comments Off on TEM | งานทั้ง 4 ประเภทTags: ,